การวางระบบบัญชีและการออกแบบระบบการควบคุมภายในกิจการ ถือเป็นส่วนที่สำคัญส่วนหนึ่งของกิจการเพื่อให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพและลดความผิดพลาดของข้อมูลในงบการเงิน
ซึ่งทำให้ผู้ใช้งบการเงินได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและทันเวลาเพื่อใช้ในการตัดสินใจและวางแผนกิจการรวมถึงช่วยในการลดความเสียหายและสูญหายของทรัพย์สินของกิจการ และช่วยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้ทรัพยากรของกิจการ ลดโอกาสการเกิดทุจริตในองค์กรและทำให้เกิดการโปร่งใสในกิจการและทำให้เกิดความเชื่อมั่นสูงในกิจการ
การวางระบบบัญชีและการควบคุมภายในกิจการนั้นจะต้องมีการจัดผังองค์กรณ์ที่เหมาะสม การแบ่งแยกหน้าที่ที่เหมาะสม รวมถึงแบ่งอำนาจหน้าที่ของแต่ละตำแหน่งให้เหมาะสม ซึ่งอัตราค่าบริการนั้นขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการปฏิบัติงานการจัดการ รายได้ ค่าใช้จ่าย และกิจกรรมทางการเงินอื่นๆ ของธุรกิจ ซึ่งจะมีองค์ประกอบของระบบบัญชีอยู่ 3 อย่าง ค่าใช้จ่าย (Expenses) ใบแจ้งหนี้ (Invoices) และเงินทุน (Funding)
การวางระบบบัญชีของธุรกิจแต่ละประเภท
ธุรกิจขนส่ง
ธุรกิจขนส่งเริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยและเป็นที่รู้จักทั่วไปมาสักระยะใหญ่ๆแล้ว ซึ่งเป็นที่ยอมรับและได้รับบริการจากบุคคลทั่วไปโดยเป็นที่นิยมกันจำนวนมาก กระแสธุรกิจขนส่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเมื่อไม่กี่ปีมานี้ เพราะไม่เพียงช่วยขับเคลื่อนการทำธุรกิจอุตสาหกรรมรายใหญ่ แต่ยังช่วยขนส่งสินค้าและบริการของผู้ประกอบการรายย่อยอีกด้วย บริษัทขนส่งจึงเริ่มมีมากขึ้นในประเทศไทย
ก่อนจะรู้เรื่องการวางบัญชีของธุรกิจขนส่งนั้น คุณจำเป็นต้องรู้ก่อนว่าธุรกิจขนส่งนั้นแบ่งออกเป็นกี่ประเภทและจะวางระบบบัญชีนั้นได้อย่างไร ธุรกิจขนส่งนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจขนส่งแบบรถสู่รถกับธุรกิจขนส่งแบบมีโกดัง
- การวางระบบบัญชีของธุรกิจขนส่งแบบรถสู่รถ หากเป็นขนส่งแบบรถสู่รถส่งให้ลูกค้า จะไม่มีการพักสินค้า ธุรกิจขนส่งแบบนี้จะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
- การวางระบบบัญชีของธุรกิจขนส่งแบบมีโกดังนั้นแตกต่างออกไปอย่างมากกับธุรกิจขนส่งแบบรถสู่รถ เพราะธุรกิจนี้การวางของหรือเก็บของไว้ที่โกดังก่อนส่งให้ลูกค้า จะถือว่าเป็นธุรกิจบริการ เพราะมีการฝากของ และเสียค่าเช่าโกดัง ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มทันที ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ธุรกิจซื้อมาขายไป
ธุรกิจซื้อมาขายไปนั้นเป็นส่วนธุรกิจที่เจ้าของธุรกิจไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในส่วนของการผลิตสินค้าด้วยตัวเองเลย นั่นก็เพราะว่าเจ้าของธุรกิจสามารถซื้อสินค้าโดยตรงจาก “ผู้ผลิตสินค้า” หรือ “พ่อค้าคนกลาง” เพื่อรับสินค้าแล้วนำมาขายต่อโดยการเพิ่มราคาเพื่อกินกำไรนั่นเอง
การวางระบบบัญชีของธุรกิจประเภทนี้รายได้ของผู้ประกอบการจะต้องนำมาใช้ในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่ต้องนำส่งทั้งครึ่งปีและเต็มปี หากเก็บบิลค่าใช้จ่ายอย่างถูกต้องครบถ้วนตั้งแต่เริ่มต้น ก็จะช่วยให้วางแผนประหยัดภาษีได้
ธุรกิจขายของออนไลน์
ธุรกิจขายของออนไลน์นั้นในปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นจำนวนมากในประเทศไทย การขายของออนไลน์ หรือ อีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) เป็นการดำเนินการซื้อขายสินค้าและบริการด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ลดต้นทุนและกระบวนการดำเนินงานให้น้อยลง แถมยังเพิ่มประสิทธิภาพการขายสินค้าได้อย่างทั่วถึง สามารถซื้อขายได้ทุกที่ ทุกเวลาอีกด้วย
ปัจจุบันธนาคารมีการส่งข้อมูลธุรกรรมของผู้เปิดบัญชีธนาคารให้กับกรมสรรพากร จึงเป็นเรื่องยากที่ผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์จะหลีกเลี่ยง ผู้ประกอบการที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงต้องวางระบบการเปิดใบเสร็จ หรือออกใบกำกับภาษีให้ถูกต้อง
ธุรกิจขายส่ง
ธุรกิจการขายส่ง คือ การที่โรงงานผู้ผลิต ผู้ประกอบการรายใหญ่ ได้จำหน่ายสินค้าให้ผู้ประกอบการ พ่อค้า แม่ค้า เป็นจำนวนมากเพื่อให้ได้ราคาที่ต่ำมากพอ ที่จะนำไปขายต่อให้ผู้บริโภคแล้วยังได้กำไรอยู่ โดยอาจมีการจำหน่ายต่อ ๆ กันอีกหลายทอด แล้วแต่ชนิดของสินค้า
ธุรกิจขายส่งต้องมีการวางแผนระบบเงินสดด้วยเพราะในการขายสินค้าแต่ละครั้งจะมีมูลค่าสูง และไม่สามารถเก็บเงินได้ทันที ดังนั้นควรมีการวางแผนกระแสเงินสดของธุรกิจให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเงินสดขาดมือในภายหลัง
หากสนใจจ้างทำบัญชี ตรวจสอบบัญชี จดทะเบียนจัดตั้ง หรือบริการอื่นๆ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและติดต่อเราได้ที่ : บริษัท เอชเคบี ออดิท จำกัด